Market Structure คืออะไร โครงสร้างตลาดที่เทรดเดอร์ต้องรู้
ในการเทรด ไม่ว่าจะเป็น Forex หุ้น หรือคริปโต หนึ่งในสิ่งที่นักลงทุนมักมองข้ามแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือ “โครงสร้างตลาด” หรือ Market Structure เพราะนี่คือภาพรวมที่บอกเราว่าราคาเคลื่อนที่อยู่ในทิศทางใด มีแรงซื้อหรือแรงขายเป็นตัวขับเคลื่อน และกำลังอยู่ในช่วงทำกำไรหรือพักตัว การเข้าใจโครงสร้างตลาดช่วยให้เราวางกลยุทธ์ได้ตรงจังหวะ ลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาด และมองเห็นโอกาสทำกำไรที่ชัดเจนขึ้น
หัวข้อที่น่าสนใจ
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า Market Structure คืออะไร มีกี่ประเภท และเทรดเดอร์สามารถนำความรู้นี้ไปปรับใช้ในแผนการเทรดได้อย่างไร
Market Structure คืออะไร
Market Structure คือ ลักษณะการเคลื่อนที่ของราคาที่ปรากฏบนกราฟ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมและจิตวิทยาของมวลชนในตลาด ณ ขณะนั้น มันคือโครงสร้างที่บอกเราว่าในตอนนี้ แรงซื้อกับแรงขาย ฝ่ายไหนกำลังคุมเกมอยู่ การอ่าน Market Structure ออกจะช่วยให้เราสามารถระบุได้ว่าตลาดกำลังอยู่ในสภาวะใด ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น ขาลง หรือไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ซึ่งข้อมูลนี้เป็นรากฐานสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเข้าเทรดฝั่งซื้อ (Buy) หรือฝั่งขาย (Sell)
Market Structure หมายถึงอะไรในการเทรด Forex
ในบริบทของการเทรด Forex นั้น Market Structure Forex คือการวิเคราะห์โครงสร้างราคาของคู่เงินต่าง ๆ เพื่อระบุแนวโน้มหลักที่กำลังเกิดขึ้น การที่เทรดเดอร์สามารถระบุ Market Structure ได้อย่างถูกต้อง จะช่วยกรองสัญญาณรบกวนและมองเห็นทิศทางที่แท้จริงของตลาดได้ง่ายขึ้น เช่น หากคู่เงิน EUR/USD กำลังสร้างโครงสร้างตลาดขาขึ้นอย่างชัดเจน เทรดเดอร์ก็จะมุ่งเน้นไปที่การหาจังหวะเข้าซื้อเป็นหลัก แทนที่จะเสี่ยงเข้าขายสวนแนวโน้ม การเข้าใจ Market Structure Forex คือกุญแจดอกแรกที่นำไปสู่การเทรดตามแนวโน้มซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุด
ประเภทของ Market Structure ที่เทรดเดอร์ต้องรู้
โดยพื้นฐานแล้ว เราสามารถแบ่งลักษณะของ Market Structure ออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
โครงสร้างตลาดแบบขาขึ้น (Bullish Structure)
โครงสร้างตลาดแบบขาขึ้น หรือที่เรียกว่า Uptrend เกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อมีอิทธิพลมากกว่าแรงขายอย่างต่อเนื่อง ลักษณะที่สังเกตได้ง่ายบนกราฟคือ ราคาจะมีการสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher High – HH) และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Low – HL) สลับกันไปเรื่อย ๆ การเห็นรูปแบบ Market Structure เช่นนี้เป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังแข็งแกร่งและควรพิจารณากลยุทธ์ฝั่งซื้อ
โครงสร้างตลาดแบบขาลง (Bearish Structure)
โครงสร้างตลาดแบบขาลง หรือ Downtrend จะมีลักษณะตรงกันข้ามกับขาขึ้น เกิดจากแรงขายที่ควบคุมตลาด ราคาจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower High – LH) และสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower Low – LL) อย่างต่อเนื่องเป็นลำดับขั้นบันไดที่ทอดลงมา เมื่อเทรดเดอร์พบ Market Structure ประเภทนี้ มันเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มหลักกำลังอ่อนตัวลง และควรมองหาโอกาสในการเข้าเทรดฝั่งขาย
โครงสร้างตลาดแบบไซด์เวย์ (Sideways Structure)
โครงสร้างตลาดแบบไซด์เวย์ เกิดขึ้นเมื่อแรงซื้อและแรงขายมีความสมดุลกัน ทำให้ราคาเคลื่อนที่ไปด้านข้างในกรอบแคบ ๆ ระหว่างแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) โดยไม่สร้างจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดใหม่อย่างชัดเจน Market Structure แบบนี้สะท้อนถึงสภาวะที่ตลาดกำลังลังเลหรือพักตัว เทรดเดอร์อาจเลือกที่จะเทรดในกรอบ หรือรอให้ราคาทะลุออกจากกรอบเพื่อสร้างแนวโน้มใหม่
หลักการอ่าน Market Structure อย่างถูกต้อง
การอ่าน Market Structure เริ่มจากการมองหา Swing High และ Swing Low ล่าสุด โดยให้ระบุจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สำคัญบนกราฟราคา จากนั้นเปรียบเทียบจุดล่าสุดกับจุดก่อนหน้า หากราคาสร้างจุด High ใหม่ที่สูงกว่า High เดิม และจุด Low ใหม่ที่สูงกว่า Low เดิม แสดงว่าอยู่ในโครงสร้างขาขึ้น (Bullish Structure) ในทางกลับกัน หาก High ใหม่ต่ำกว่า High เดิม และ Low ใหม่ต่ำกว่า Low เดิม แสดงว่าเป็นโครงสร้างขาลง (Bearish Structure)
อีกหลักการสำคัญคือการมองหาสัญญาณยืนยันแนวโน้ม หรือ Break of Structure (BOS) เช่น ในแนวโน้มขาขึ้น หากราคาสามารถทะลุจุดสูงสุดเดิมขึ้นไปได้ หรือในแนวโน้มขาลงสามารถทะลุจุดต่ำสุดเดิมลงไปได้ นั่นเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มเดิมยังแข็งแรงและมีโอกาสไปต่อ
สุดท้ายคือการเฝ้าสังเกตสัญญาณการเปลี่ยนโครงสร้าง หรือ Change of Character (CHoCH) ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มเดิมเริ่มอ่อนแรง เช่น ในขาขึ้น ราคาไม่สามารถทำ Higher High ได้ และกลับลงมาทำลาย Higher Low ล่าสุด นี่มักเป็นสัญญาณแรกที่บอกว่าโครงสร้างตลาดอาจกำลังเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง
ข้อดีของการอ่าน Market Structure
- ช่วยให้ระบุแนวโน้มหลักของตลาดได้อย่างชัดเจน เพื่อให้เทรดตามทิศทางที่ถูกต้อง
- เป็นพื้นฐานในการหาจุดเข้าและออกจากการเทรดที่มีเหตุผลและมีหลักการ
- เพิ่มความได้เปรียบในการวางแผนบริหารความเสี่ยง เช่น การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
- ทำให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของราคาในอนาคตได้แม่นยำขึ้น
- ลดการเทรดตามอารมณ์ เพราะมีโครงสร้างตลาดเป็นหลักยึดในการตัดสินใจ
สรุปบทความ
โดยสรุป Market Structure คือสิ่งที่ช่วยให้เทรดเดอร์อ่านทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาและเข้าใจจิตวิทยาของตลาดได้ การฝึกฝนทักษะการวิเคราะห์โครงสร้างตลาด ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น ขาลง หรือไซด์เวย์ ผ่านการสังเกตลำดับของจุดสูงสุดและต่ำสุด จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดจริงได้ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงและจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการเทรดระยะยาว
ก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่มองตลาดได้ขาดกว่าเดิมกับ Master Trader Academy เราพร้อมสอนเทรด Forex มือใหม่ ทั้งการเทรดคู่สกุลเงินทั่วไปและการเทรดทอง ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น วิธีอ่านกราฟ Forex การใช้ RSI และอินดิเคเตอร์อื่น ๆ รวมถึงสอนเทคนิคการเทรด Forex ระยะสั้น เช่น การเทรดแบบ Scalping และเทคนิคเทรด Forex อื่น ๆ ทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com




