การเทรดคืออะไร เทรดอะไรได้บ้าง ทำกำไรได้จริงไหม
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “เทรด” ผ่านหูกันมาบ้าง บางคนอาจจะเห็นเพื่อนโพสต์รูปกราฟสวย ๆ หรือยอดกำไรน่าตื่นเต้นในโซเชียล แต่ก็ยังสงสัยว่าการเทรดคืออะไรกันแน่ วันนี้ MTA Academy จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโลกของการเทรดที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเรียนรู้วิธีการสร้างรายได้จากตลาดการเงินแบบมืออาชีพ
หัวข้อที่น่าสนใจ
การเทรดคืออะไร
การเทรด คือการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในระยะสั้นถึงปานกลาง เพื่อทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา นักเทรดจะวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อคาดการณ์ทิศทางของราคา และเข้าซื้อขายในจังหวะที่เหมาะสม การเทรดในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้นักเทรดสามารถสร้างรายได้ได้จากทุกที่ทุกเวลา
หลักการพื้นฐานของการเทรดคืออะไร
การเทรดคือกระบวนการซื้อขายสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้น เพื่อสร้างกำไรจากความต่างของราคา ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากความผันผวนของตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด จึงเป็นหลักสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Analysis)
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของตลาด นักลงทุนจึงต้องติดตามทิศทางของเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ นโยบายการเงิน และตัวเลข GDP เหล่านี้ล้วนเป็นตัวสะท้อนภาวะการเจริญเติบโตหรือชะลอตัวของระบบเศรษฐกิจ เมื่อเข้าใจภาพรวมเหล่านี้แล้ว จึงสามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดกับสินทรัพย์ที่ต้องการเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโต อาจเป็นโอกาสในการถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อรับผลตอบแทนมากขึ้น
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านอุตสาหกรรม (Industry Analysis)
การมองภาพรวมของอุตสาหกรรมจะช่วยให้รู้ว่าอุตสาหกรรมนั้นกำลังเติบโต หดตัว หรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน นักลงทุนควรวิเคราะห์ว่าอุตสาหกรรมนั้นมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาวหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ควรประเมินว่าสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ หรือพฤติกรรมผู้บริโภคจะส่งผลบวกหรือลบต่ออุตสาหกรรมนั้นอย่างไร เพื่อช่วยคัดกรองโอกาสที่มีศักยภาพและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
การวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านบริษัท (Company Analysis)
ขั้นตอนนี้คือการเจาะลึกเข้าไปดูจุดแข็ง จุดอ่อน และศักยภาพของบริษัทที่กำลังจะลงทุน ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการ งบดุล ทีมผู้บริหาร โมเดลธุรกิจ หรือความสามารถในการแข่งขัน การวิเคราะห์ในระดับนี้จะช่วยให้เห็นว่าบริษัทมีความมั่นคงพอที่จะสร้างรายได้ต่อเนื่องหรือไม่ และควรลงทุนในช่วงจังหวะใดจึงจะเหมาะสม
มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรให้เทรดบ้าง
ตลาดการเงินโลกเปิดโอกาสให้นักเทรดได้เลือกซื้อขายสินทรัพย์หลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีเอกลักษณ์และโอกาสในการทำกำไรที่แตกต่างกัน
1. การเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex Trading)
การเทรด Forex คือการซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่าง ๆ เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, AUD/USD หรือ XAU/USD, XAU/EUR (เทรดทอง Forex) โดยเก็งกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก นักเทรดสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก และมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งในช่วงค่าเงินแข็งค่าและอ่อนค่า
การเทรด Forex คือการซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่าง ๆ เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD หรือ AUD/USD โดยเก็งกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก นักเทรดสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก และมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งในช่วงค่าเงินแข็งค่าและอ่อนค่า
2. การเทรดหุ้น (Stock Trading)
การเทรดหุ้น คือการซื้อขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นักเทรดจะวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ข่าวสาร และกราฟราคา เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อขายที่เหมาะสม การเทรดหุ้นเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจ และต้องการมีส่วนร่วมในการเติบโตของบริษัทที่มีศักยภาพ โดยผู้ซื้อหุ้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของบริษัทนั้น ๆ และมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล
ก่อนตัดสินใจเทรดหุ้น สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่เราสนใจจะลงทุน รวมถึงศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อราคาหุ้น เช่น ผลประกอบการของบริษัท ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ดังนั้นการมีข้อมูลที่เพียงพอจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น
3. การเทรดทองคำ (Gold Trading)
การเทรดทองคำ คือการเก็งกำไรจากการซื้อขายทองคำในระยะสั้น ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง นักเทรดจะวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเวลาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรายนาที รายชั่วโมง หรือรายวัน เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อขายที่เหมาะสม แต่ราคาทองคำมักเคลื่อนไหวตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ค่าเงินดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นักเทรดจึงต้องติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
4. การเทรดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)
สกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน แตกต่างจาก Forex ที่เป็นการเทรดบนสกุลเงินที่ใช้ในแต่ละประเทศ จุดเด่นของการเทรดคริปโทฯ เปิด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ (ไม่มีวันหยุด) และมีความผันผวนสูง ราคาเคลื่อนไหวค่อนข้างไว จึงมีนักเทรดสายเก็งกำไรหรือผู้ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้เข้ามาหาโอกาสทำกำไรจากตลาดคริปโทฯ จำนวนมาก ซึ่งกลยุทธ์การเทรดก็มีหลากหลายทั้งแบบ Scalping, Day Trade และ Swing Trade
การเทรดแตกต่างจากการลงทุนอย่างไร
การเทรดและการลงทุนมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทน แต่มีกรอบเวลาและกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน นักเทรดมุ่งเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากความผันผวนของราคา มีการซื้อขายบ่อยครั้ง และใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนมองหาการเติบโตในระยะยาว เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และถือครองสินทรัพย์เป็นเวลานาน
การเทรดทำกำไรได้จริงไหม
การเทรดสามารถสร้างกำไรได้จริง แต่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และการบริหารความเสี่ยงที่ดี นักเทรดที่ประสบความสำเร็จล้วนผ่านการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง มีวินัยในการเทรด และไม่ปล่อยให้อารมณ์มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ การเทรดจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝน
ข้อดีของการเทรดคืออะไร
- สร้างรายได้เสริมหรือรายได้หลักได้ โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำ สามารถจัดสรรเวลาเทรดได้ตามความสะดวก เพราะตลาดการเงินหลายประเภทเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
- เริ่มต้นได้ด้วยเงินลงทุนไม่สูง และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี รวมทั้งการเทรดยังมีสภาพคล่องสูง สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้รวดเร็ว
- พัฒนาทักษะการวิเคราะห์และการตัดสินใจ การเทรดช่วยฝึกให้เรามองตลาดอย่างเป็นระบบ รู้จักควบคุมอารมณ์ และมีวินัยในการบริหารเงินลงทุน
ความเสี่ยงของการเทรดคืออะไร
- ขาดทุนจากความผันผวนของตลาด ราคาสินทรัพย์สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสำคัญหรือวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
- การใช้เลเวอเรจเพิ่มความเสี่ยง เพราะการเทรดด้วยเงินกู้ยืมทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนขยายตัวเป็นหลายเท่า หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดีอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้
- เกิดความเครียดและแรงกดดันทางจิตใจ การเทรดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนและการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน บางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้
อยากเริ่มต้องเทรด ต้องทำอย่างไร
- พัฒนาพื้นฐานความรู้การเทรด เลือกคอร์สเรียนจากสถาบันที่น่าเชื่อถือเพื่อเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติจริง ตั้งแต่การอ่านกราฟ การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ไปจนถึงการบริหารจิตวิทยาการเทรด การเรียนกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยย่นระยะเวลาการเรียนรู้และลดความเสี่ยงจากการลองผิดลองถูก
- ฝึกฝนผ่านบัญชีจำลอง เริ่มต้นทดลองเทรดในบัญชีจำลองที่จัดเตรียมไว้ให้ฟรี เพื่อทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มการเทรดและเครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ นักเทรดควรใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือนในการฝึกฝนและพัฒนากลยุทธ์การเทรดของตัวเอง จนมั่นใจว่าสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
- คัดเลือกโบรกเกอร์และตลาดที่เหมาะสม ศึกษาข้อมูลโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และมีค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ เลือกตลาดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเวลาที่มี เช่น Forex สำหรับคนที่ทำงานประจำแต่ต้องการเทรดนอกเวลา หรือหุ้นสำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารธุรกิจ
- วางแผนการเงินและบริหารความเสี่ยง กำหนดเงินลงทุนเริ่มต้นที่เหมาะสม โดยไม่นำเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันมาเสี่ยง สร้างแผนบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน กำหนดจุดตัดขาดทุนและเป้าหมายกำไรในทุกการเทรด พร้อมทั้งจำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตการลงทุน
- เริ่มต้นเทรดจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อพร้อมเทรดด้วยเงินจริง ให้เริ่มต้นด้วยขนาดการเทรดที่เล็กที่สุด จดบันทึกการเทรดทุกครั้งและทบทวนผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอ ไม่เร่งเพิ่มขนาดการเทรดจนกว่าจะสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นใจในกลยุทธ์ของตัวเอง
เลือกเว็บเทรดไหนดี
การเลือกเว็บเทรดที่เหมาะสมควรเริ่มจากการดูว่า แพลตฟอร์มนั้นตอบโจทย์การใช้งานของตัวเองหรือไม่ เช่น ใช้งานง่าย มีเมนูภาษาไทยหรือเปล่า รองรับอุปกรณ์หลากหลาย และมีฝ่ายบริการลูกค้าที่ติดต่อได้สะดวก เรื่องค่าธรรมเนียมก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ควรเลือกเว็บที่ไม่มีค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น และให้บริการที่โปร่งใส นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์และรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ดี ลองเปรียบเทียบหลายเจ้าให้รอบด้าน แล้วเลือกเว็บที่ “ใช่” สำหรับสไตล์การเทรดของตัวเอง
สรุปบทความ
อ่านมาถึงตรงนี้ น่าจะเข้าใจภาพรวมแล้วว่า การเทรดคืออะไร จะเห็นว่าการเทรดไม่ใช่แค่การซื้อขายสินทรัพย์ แต่เป็นการพัฒนาตัวเองในหลายด้าน ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล การควบคุมอารมณ์ และการบริหารความเสี่ยง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในด้านอื่น ๆ ของชีวิตได้ด้วย แม้ว่าการเทรดจะมาพร้อมความเสี่ยง แต่ถ้าเราเข้าใจพื้นฐาน มีการวางแผนที่ดี และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถสร้างโอกาสทางการเงินได้
สำหรับผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่เส้นทางการเทรด หรืออยากเรียนรู้วิธีเทรด Forex Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ ที่ช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com