RSI คืออะไร ตั้งค่า RSI เท่าไหร่ รวมทุกเรื่องต้องรู้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูงอย่าง Forex เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค หรืออินดิเคเตอร์ Forex ที่ได้รับความนิยมอย่างมากตัวหนึ่งก็คือ RSI ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้แม่นยำมากขึ้น มาทำความรู้จักกับเครื่องมือทรงพลังตัวนี้ให้มากขึ้นกันว่า RSI คืออะไร ใช้วิเคราะห์อะไร MTA Academy สรุปแบบเข้าใจง่ายในบทความนี้
หัวข้อที่น่าสนใจ
RSI คืออะไร
RSI คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ย่อมาจาก Relative Strength Index ซึ่งทำหน้าที่วัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา เครื่องมือนี้จัดอยู่ในกลุ่ม Oscillator ที่แสดงผลเป็นกราฟเส้นในช่วงค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดย RSI จะช่วยบ่งชี้สภาวะ Overbought และ Oversold ซึ่งเป็นจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว เทรดเดอร์สามารถใช้งาน RSI ได้ฟรีบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง MetaTrader 4, MetaTrader 5 และโปรแกรมเทรดอื่น ๆ
Oversold และ Overbought คืออะไร
ในการวิเคราะห์ด้วย RSI สิ่งที่เทรดเดอร์ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือการระบุจุดที่ราคามีโอกาสกลับตัว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสภาวะ Overbought และ Oversold โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Overbought คือภาวะที่ตลาดมีแรงซื้อมากเกินไป ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนเกิดแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุน ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับฐานลงมา แม้ว่าแนวโน้มหลักจะยังเป็นขาขึ้นก็ตาม การเกิด Overbought บ่งชี้ว่าราคาอาจสูงเกินจริงและควรระมัดระวังในการเปิดสถานะซื้อใหม่
- Oversold คือภาวะที่ตลาดถูกขายทิ้งมากเกินไป ทำให้ราคาร่วงลงอย่างหนักจนถึงจุดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อ เมื่อราคาถูกเกินไปมักจะมีแรงซื้อเข้ามาหนุน ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะฟื้นตัวขึ้น แม้ว่าแนวโน้มหลักจะยังเป็นขาลงก็ตาม การเกิด Oversold เป็นสัญญาณที่บ่งชี้โอกาสในการเข้าซื้อ
ตั้งค่า RSI เท่าไหร่
ค่ามาตรฐานที่นิยมใช้ตั้งค่า RSI คือ Period 14 และ Oversold 30 Overbought 70 อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถปรับแต่งค่าเหล่านี้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและกรอบเวลาที่ใช้ เช่น เทรดเดอร์ที่เน้นการเทรดระยะสั้นอาจลดค่า Period ลงเพื่อให้ได้สัญญาณที่ไวขึ้น ในขณะที่เทรดเดอร์ระยะยาวอาจเพิ่มค่า Period เพื่อลดสัญญาณหลอก
การคำนวณ RSI
RSI (Relative Strength Index) คำนวณจากอัตราส่วนของค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้นต่อค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาลง โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้
RSI = 100 – 100 / (1 + RS)
โดยที่ RS (Relative Strength) = ค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้น / ค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนแปลงราคาลง
ซึ่งปกติ RSI ใช้ Period 14 หรือช่วงเวลา 14 วัน ในการคำนวณ แต่เทรดเดอร์สามารถปรับช่วงเวลาให้สั้นลงเพื่อให้ตอบสนองไวขึ้น หรือยาวขึ้นเพื่อให้ราบเรียบและลดสัญญาณหลอก
วิธีการอ่านค่า RSI
RSI มีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดย
- RSI ระหว่าง 0-30 : เขตขายมากเกินไป (Oversold)
- RSI ระหว่าง 30-70 : เขตปกติ (Neutral Zone)
- RSI ระหว่าง 70-100 : เขตซื้อมากเกินไป (Overbought)
วิธีการใช้งาน RSI Indicator ด้วยโปรแกรม Metatrader 4 หรือ Metatrader 5
อินดิเคเตอร์ RSI สามารถเรียกใช้ได้ใน โปรแกรม Metatrader 4 หรือ Metatrader 5 โดยเลือกที่ Insert > Indicators > Oscillators > RSI
วิธีใช้งาน RSI แบบ Advance ในการเทรด
การนำ RSI มาประยุกต์ใช้ในวิธีเทรด Forex สามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน ดังนี้
การนำ RSI มาประยุกต์ใช้ในการเทรดสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ใช้ RSI ดู Overbought และ Oversold
การใช้ RSI ในการระบุจุด Overbought และ Oversold เป็นวิธีการพื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- เมื่อค่า RSI สูงกว่า 70 จะถือเป็นสัญญาณ Overbought บ่งชี้ว่าราคาอาจปรับตัวลง เทรดเดอร์ควรเตรียมพิจารณาเปิดสถานะขาย
- เมื่อค่า RSI ต่ำกว่า 30 จะถือเป็นสัญญาณ Oversold บ่งชี้ว่าราคาอาจฟื้นตัวขึ้น เป็นโอกาสในการพิจารณาเปิดสถานะซื้อ
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้สัญญาณนี้เพียงอย่างเดียว ควรประกอบกับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
2. ใช้ RSI หา Divergence
Divergence คือสัญญาณทางเทคนิคที่เกิดจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาและค่า RSI สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท
Bullish Divergence
Bullish Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ RSI กลับทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Low) ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลง และมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้น
แนวทางการเทรด
- รอการยืนยันจากสัญญาณอื่น ๆ เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือการทะลุแนวต้าน
- ตั้งจุด Stop Loss ใต้จุดต่ำสุดล่าสุด เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- สามารถใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น MACD หรือ Stochastic เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
Bearish Divergence
Bearish Divergence เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ RSI กลับทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High) ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง และมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลง
แนวทางการเทรด
- รอการยืนยันจากสัญญาณอื่น ๆ เช่น แท่งเทียนกลับตัว หรือการทะลุแนวรับ
- ตั้งจุด Stop Loss เหนือจุดสูงสุดล่าสุด เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- สามารถใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น MACD หรือ Stochastic เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
3. ใช้ RSI บอกสัญญาณในการ Breakout
RSI สามารถช่วยยืนยันการเกิด Breakout ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนตัวแบบ Sideway โดยมีค่า RSI สำคัญอยู่ที่ระดับ 50
- เมื่อ RSI ทะลุขึ้นเหนือระดับ 50 มักเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้น เหมาะสำหรับการพิจารณาเปิดสถานะซื้อ
- เมื่อ RSI หลุดต่ำกว่าระดับ 50 มักเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง เหมาะสำหรับการพิจารณาเปิดสถานะขาย
อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์รูปแบบราคา Price Pattern เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์
4. ใช้ RSI คอนเฟิร์มแนวโน้ม
RSI สามารถใช้ยืนยันแนวโน้มของตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเคลื่อนตัวแบบ Sideway และยากต่อการคาดการณ์ทิศทาง สำหรับการคอนเฟิร์มแนวโน้มขาขึ้น เราจะสังเกตลักษณะการเคลื่อนตัวของเส้น RSI ที่มีทิศทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม หากเส้น RSI มีลักษณะลาดลง ก็มักจะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลง การใช้ RSI ในลักษณะนี้ช่วยให้เทรดเดอร์มั่นใจในการตัดสินใจเปิดสถานะมากขึ้น
ภาพรวมแนวโน้ม
การอ่านภาพรวมของแนวโน้มผ่าน RSI ช่วยให้เห็น “โมเมนตัมหลัก” ของตลาดได้ชัดเจน เช่น หาก RSI เคลื่อนตัวอยู่ในโซนสูงกว่า 50 และทำ Higher High, Higher Low บนกราฟ RSI ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ในทางกลับกัน หาก RSI อยู่ต่ำกว่า 50 และทำ Lower High, Lower Low อย่างต่อเนื่อง จะสนับสนุนแนวคิดว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง ภาพรวมแนวโน้มที่ได้จาก RSI ช่วยลดโอกาสการเทรดสวนเทรนด์และทำให้การวางแผนเทรดมีโครงสร้างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
สัญญาณเข้าซื้อตามสัญญาณ RSI
นอกจากการยืนยันแนวโน้มแล้ว RSI ยังสามารถใช้เป็นสัญญาณเข้าเทรดตามแนวโน้มได้ ตัวอย่างการใช้สัญญาณเช่น
- เมื่อแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน และ RSI มีการย่อกลับลงมาใกล้ระดับ 40-50 แล้วดีดตัวขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อ (ราคาอาจไม่ปรับตัวลงมากพอที่จะทำให้ RSI เข้าสู่เขต Oversold (ต่ำกว่า 30) การรอให้ RSI ลงไปถึง 30 อาจทำให้พลาดโอกาสในการเข้าเทรดตามแนวโน้ม)
- หากแนวโน้มขาลง และ RSI ดีดตัวขึ้นสั้น ๆ ใกล้ระดับ 50 แล้วกลับตัวลงอีกครั้ง ก็เป็นสัญญาณขายต่อเนื่องตามแนวโน้ม
ข้อควรระวังในการใช้ RSI
- ระมัดระวังในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน ในภาวะตลาดที่มีแนวโน้มแรง RSI อาจอยู่ในเขต Overbought หรือ Oversold เป็นเวลานาน การเทรดตามสัญญาณ Overbought/Oversold แบบดั้งเดิมอาจนำไปสู่การขาดทุนได้
- Divergence ไม่ใช่สัญญาณที่แม่นยำเสมอไป แม้ว่า RSI Divergence จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการบ่งชี้การกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และบางครั้ง Divergence ก็ไม่นำไปสู่การกลับตัวของราคา
- ไม่ควรใช้ RSI เพียงอย่างเดียว RSI เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค การใช้ RSI ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น Moving Averages, MACD หรือ Price Action Pattern จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณได้
- คำนึงถึงกรอบเวลา RSI ในกรอบเวลาสั้นอาจให้สัญญาณที่ขัดแย้งกับกรอบเวลายาว เทรดเดอร์ควรพิจารณา RSI ในหลายกรอบเวลา
- ระวัง False Signals ระบบเทรดที่อิงเพียงแค่ RSI อาจให้สัญญาณหลอก โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวน ควรใช้ร่วมกับแนวรับแนวต้าน แนวโน้ม หรือรูปแบบแท่งเทียน
สรุปบทความ
RSI คือเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประโยชน์อย่างมาก การเข้าใจวิธีการใช้งาน RSI อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการดูสัญญาณ Overbought และ Oversold การวิเคราะห์ Divergence หรือการใช้ยืนยันแนวโน้ม ล้วนเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น เหล่าเทรดเดอร์ลองฝึกฝนและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะการเทรดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเทรดทอง Forex หรือคู่สกุลเงินในตลาด Forex Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com