Forex คืออะไร อันตรายไหม ก่อนเทรดต้องรู้อะไรบ้าง
การลงทุนในตลาดการเงินระหว่างประเทศกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะตลาด Forex ที่มีมูลค่าการซื้อขายมหาศาลและเปิดโอกาสให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก่อนจะเริ่มต้นลงทุน มาทำความเข้าใจก่อนว่า Forex คืออะไร และมีข้อมูลพื้นฐานสำคัญอะไรที่ควรรู้บ้าง เพื่อให้เทรดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น
หัวข้อที่น่าสนใจ
Forex คืออะไร
Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange คือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องถือครองเงินตราจริง
ตัวอย่างที่ 1
บริษัทนำเข้าไวน์จากฝรั่งเศสมายังไทย ต้องชำระเงินให้แก่ผู้ผลิตไวน์เป็นสกุลเงินยูโร (EUR) แต่รายได้ของบริษัทเป็นเงินบาท (THB) บริษัทจึงต้องแลกเปลี่ยนเงินบาทไปเป็นยูโรเพื่อชำระค่าสินค้า การแลกเปลี่ยนตรงนี้เรียกว่า ตลาด Forex
ตัวอย่างที่ 2
นักท่องเที่ยวจากอังกฤษเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย พวกเขาต้องการใช้จ่ายในระหว่างพักผ่อนที่เกาะสมุยโดยใช้เงินบาท จึงนำเงินปอนด์ (GBP) มาแลกเป็นเงินบาท (THB) ที่ตู้ ATM หรือบูธแลกเงินในสนามบิน การแลกเปลี่ยนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตลาด Forex และหากช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยเป็นช่วงที่เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท พวกเขาจะได้รับเงินบาทในจำนวนที่มากขึ้น
ถึงแม้ว่า ตัวอย่างข้างต้นจะไม่ใช่การเทรดเก็งกำไรแบบนักลงทุนทั่วไป แต่เป็นการแลกเปลี่ยนจริงเพื่อใช้ในการค้าระหว่างประเทศ ก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตของตลาด Forex เช่นกัน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของอุปสงค์-อุปทานที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
Currency Exchange คืออะไร
Currency Exchange หมายถึงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินสองสกุล ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกลไกตลาด อัตรานี้บ่งชี้ว่าเงินสกุลหนึ่งมีมูลค่าเทียบกับอีกสกุลเท่าไหร่ เช่น หากอัตราแลกเปลี่ยนระบุว่า USD/JPY = 110 หมายความว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐสามารถแลกเป็นเงินเยนได้ 110 เยน การเทรดในตลาด Forex ก็คือการแลกเปลี่ยนระหว่างคู่เงินเหล่านี้ โดยมุ่งหวังทำกำไรจากส่วนต่างของราคาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนนั่นเอง
เทรด Forex ได้เงินจริงไหม
การเทรด Forex สามารถสร้างผลตอบแทนได้จริง แต่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ที่มากพอ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนักเทรดมืออาชีพสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและไม่ประมาท เพราะการเทรดที่ขาดความรู้อาจนำไปสู่การขาดทุนได้เช่นกัน
ค่า Spread Forex คืออะไร
Spread ในตลาด Forex คือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask) ของคู่เงินในขณะนั้น เป็นค่าใช้จ่ายที่นักเทรดต้องจ่ายเมื่อทำการเปิดออเดอร์ เช่น หาก EUR/USD มีราคา Bid ที่ 1.1000 และ Ask ที่ 1.1003 ส่วนต่างที่เกิดขึ้น 0.0003 หรือ 3 pip นั้นก็คือค่า Spread
ข้อดี-ข้อเสีย ของการเทรด Forex คืออะไร
ข้อดีของการเทรด Forex คืออะไร
- ตลาดมีสภาพคล่องสูง เพราะมีคนซื้อ และคนขายจำนวนมาก
- สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักพันบาท
- มีโอกาสทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยสามารถเปิดสถานะ Long หรือ Short ได้
- มีเครื่องมือวิเคราะห์และแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัย
- สามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มกำลังซื้อขายได้
ข้อเสียของการเทรด Forex คืออะไร
- มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไป
- ตลาดมีความผันผวนสูง ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- ต้องใช้เวลาศึกษาและฝึกฝนมาก ก่อนจะเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าสเปรด ค่าสวอป และค่าคอมมิชชั่น
- ต้องติดตามข่าวสารและปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินอย่างใกล้ชิด
ใครเหมาะกับการเทรด Forex
- ผู้ที่สนใจตลาดการเงินและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
- ผู้ที่มีวินัยทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงที่ดี
- ผู้ที่มีเวลาศึกษาและวิเคราะห์ตลาดอย่างสม่ำเสมอ
- ผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์และรับมือกับความกดดันได้ดี
- ผู้ที่พร้อมเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับการเทรด Forex
- Pip หน่วยวัดความเปลี่ยนแปลงของราคาคู่เงิน
- Lot ขนาดของสัญญาในการเทรด (1 Lot = 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก)
- Leverage การยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ใหญ่กว่าทุนที่มี
- Margin จำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อเปิดสถานะ
- Stop Loss ระดับราคาที่ตั้งไว้เพื่อจำกัดการขาดทุน
- Take Profit ระดับราคาที่ตั้งไว้เพื่อทำกำไรอัตโนมัติ
- Swap ค่าธรรมเนียมค้างคืนหากถือออเดอร์ข้ามวัน
การเกร็งกำไรในการเทรด Forex
การทำกำไรในตลาด Forex มีหลักการพื้นฐานที่สำคัญคือการคาดการณ์ทิศทางของค่าเงิน นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ 2 รูปแบบหลัก คือ
- การเปิดสถานะซื้อ (Long Position) หรือ “BUY” หมายถึงการที่นักเทรดซื้อสกุลเงินหนึ่งเพื่อถือครองและคาดหวังว่า ราคาของสกุลเงินนั้นจะเพิ่มขึ้น และจะทำการปิดสถานะนี้เพื่อขายสินค้า และทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่สูงขึ้น
- การเปิดสถานะขาย (Short Position) หรือ “Sell” หมายถึงการขายสกุลเงินที่คาดว่า ราคาจะลดลงในอนาคต และปิดสถานะเพื่อซื้อสกุลเงินเดียวกันกลับมา และทำกำไรจากส่วนต่างของช่วงราคาที่ปรับตัวลง
ตัวอย่างการเกร็งกำไร
สมมติว่าคุณวิเคราะห์แล้วคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทไทย (THB) ที่ราคาปัจจุบัน USD/THB = 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์
- คุณตัดสินใจเปิดสถานะ ซื้อ คู่เงิน USD/THB
- ต่อมา หากราคา USD/THB ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ ตามที่คุณคาดการณ์
- คุณตัดสินใจปิดสถานะ ขาย คู่เงิน USD/THB
- ผลลัพธ์คือ คุณได้กำไรจากส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้น (31 – 30 = 1 บาทต่อดอลลาร์) หากคุณซื้อขายด้วยปริมาณ 10,000 ดอลลาร์ คุณจะได้รับกำไร 10,000 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมหรือค่า Spread)
คู่เงิน Forex คืออะไร
คู่เงินใน Forex คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินสองสกุล โดยสกุลเงินแรกเรียกว่าสกุลเงินฐาน (Base Currency) และสกุลเงินที่สองเรียกว่าสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) ตัวอย่างเช่น ในคู่เงิน EUR/USD, EUR คือสกุลเงินฐาน และ USD คือสกุลเงินอ้างอิง ราคาที่แสดงจะบอกถึงจำนวนสกุลเงินอ้างอิงที่ต้องใช้เพื่อซื้อหนึ่งหน่วยของสกุลเงินฐาน
เช่น EUR/USD = 1.12520 สกุลเงินฐานที่ใช้อ้างอิงคือ EUR หมายความว่า ต้องใช้เงิน 1.12520 ดอลลาร์เพื่อที่จะซื้อสกุลเงินหลักจำนวน 1 ยูโร
ซึ่งคู่เงินในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs)
คู่เงินหลักประกอบด้วยดอลลาร์สหรัฐ (USD) จับคู่กับสกุลเงินหลักของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY และ USD/CHF คู่เงินกลุ่มนี้มีสภาพคล่องสูงที่สุด มีค่าสเปรดต่ำ และเป็นที่นิยมในการเทรดมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเทรด
2. คู่เงินรอง (Cross Currency Pairs หรือ Minor Currency Pairs)
คู่เงินรองเป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักโดยไม่มีดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/GBP, EUR/JPY และ GBP/JPY คู่เงินเหล่านี้มีสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายรองลงมาจากคู่เงินหลัก มีความผันผวนปานกลางและค่าสเปรดที่สูงกว่าคู่เงินหลัก
3. คู่เงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pairs)
คู่เงินเกิดใหม่เป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักกับสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนาหรือตลาดเกิดใหม่ เช่น USD/THB, USD/SGD และ EUR/TRY คู่เงินประเภทนี้มีสภาพคล่องต่ำ ความผันผวนสูง และค่าสเปรดกว้าง จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์และเข้าใจปัจจัยท้องถิ่นที่ส่งผลต่อค่าเงิน
สกุลเงินที่นิยมซื้อขายในตลาด Forex คืออะไร
- USD – ดอลลาร์สหรัฐ (United States)
- EUR – ยูโร (สมาชิกสหภาพยุโรป)
- JPY – เยน (Japan)
- GBP – ปอนด์ (Great Britain)
- CHF – ฟรังก์สวิส (Switzerland)
- CAD – ดอลลาร์แคนาดา (Canada)
- AUD – ดอลลาร์ออสเตรเลีย (Australia)
- NZD – ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (New Zealand)
ตัวย่อของสกุลเงินมีที่มาอย่างไร
สกุลเงินแต่ละประเภทใช้รหัส 3 ตัวอักษร เช่น USD หรือ EUR โดยรหัสนี้ประกอบด้วย 2 ตัวแรกที่ย่อจากชื่อประเทศ และตัวสุดท้ายแทนชื่อสกุลเงิน เช่น
- USD มาจาก US = United States, D = Dollar
- EUR มาจาก EU = European Union, R = Euro
คู่เงินยอดนิยมของการเทรด Forex คืออะไร
คู่เงินหลักที่นิยมในตลาดมักมีสภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ เช่น
- EUR/USD – ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/JPY – ดอลลาร์สหรัฐ/เยน
- GBP/USD – ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ
- AUD/USD – ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ
- USD/CHF – ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส
- USD/CAD – ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา
- XAU/USD, XAU/EUR – คู่สกุลเงินเทรดทอง Forex โดย XAU หมายถึงราคาทองคำ จับคู่กับสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นั่นคือ ดอลลาร์ (USD) หรือยูโร (EUR)
ใครที่ซื้อขาย Forex ได้บ้าง
- นักลงทุนรายบุคคลทั่วไป
- ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ
- ธนาคารพาณิชย์
- บริษัทระหว่างประเทศ
- บริษัทนำเข้า-ส่งออก
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเทรด Forex
- นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
- ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ (เช่น GDP, อัตราเงินเฟ้อ, การจ้างงาน)
- เหตุการณ์ทางการเมืองและสังคม
- ภัยธรรมชาติและวิกฤตการณ์ต่าง ๆ
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน
- อุปสงค์และอุปทานของสกุลเงิน
ช่วงเวลาเปิด-เปิดของตลาด Forex
เวลาเปิดตลาด Forex คือกี่โมง? ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ตอน 04.00 น. จนถึงเช้าวันเสาร์ตอน 04.00 น. โดยแบ่งเป็น 4 ช่วงเวลาหลัก คือ ตลาดซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก แต่ละช่วงเวลาจะมีความเคลื่อนไหวของคู่เงินที่ต่างกัน เช่น ช่วงลอนดอน-นิวยอร์กจะมีการซื้อขายสูงสุด จึงเหมาะกับการเทรดเพื่อจับทิศทางราคาที่ชัดเจน
เริ่มต้นลงทุนเทรด Forex ไปกับ MTA Academy
Master Trader Academy สรุป 6 วิธีเทรด Forex สำหรับคนที่อยากการเริ่มต้นเทรด Forex อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1. เลือกโบรกเกอร์ (Brokers) เพื่อเปิดบัญชีซื้อขาย
จุดเริ่มต้นของการเทรด Forex คือการเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ นักเทรดควรพิจารณาโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ มีประวัติการดำเนินงานที่ดี และมีเงื่อนไขการซื้อขายที่เหมาะสม เช่น ค่าสเปรดที่แข่งขันได้ ระบบการซื้อขายที่เสถียร และการบริการลูกค้าที่มีคุณภาพ
2. เลือกแพลตฟอร์มการเทรด Forex
แพลตฟอร์มการเทรดที่มีประสิทธิภาพควรมีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน ระบบการซื้อขายที่รวดเร็วและเสถียร รวมถึงการแสดงผลข้อมูลที่เข้าใจง่าย ซึ่ง MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่รวมคุณสมบัติเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งรองรับการใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ
3. ศึกษาหาความรู้เพื่อใช้ในการเทรด
นักเทรดควรศึกษาทั้งการวิเคราะห์ตามปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เข้าใจการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่าง ๆ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรด
สุดท้าย แนะนำให้ลองฝึกเทรด Forex แบบที่ไม่ต้องเอาเงินจริงมาเดินพัน ในระบบบัญชีเงินจำลอง (Demo Account) ซึ่งสามารถเทรดได้เหมือนตลาดจริง และสามารถใช้เครื่องมือเทรดและคำนวณกำไรขาดทุนเหมือนระบบบัญชีจริง จะช่วยสร้างประสบการณ์โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินทุน
4. มี Mindset ที่ดีในการเทรด
ความสำเร็จในการเทรด Forex ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้และทักษะเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยมุมมองและทัศนคติที่เหมาะสม นักเทรดต้องมีวินัย ควบคุมอารมณ์ได้ดี และไม่ตัดสินใจเทรดโดยใช้อารมณ์ ต้องยอมรับผลขาดทุนเมื่อเกิดขึ้น และไม่โลภมากจนละเลยการบริหารความเสี่ยง การพัฒนา Mindset ที่ดีจะช่วยให้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
5. อัปเดตข่าวสารสม่ำเสมอ
การติดตามข่าวสารและปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด Forex เป็นสิ่งจำเป็น นักเทรดควรติดตามข่าวเศรษฐกิจสำคัญ นโยบายการเงินของธนาคารกลาง และเหตุการณ์ระหว่างประเทศที่อาจส่งผลต่อค่าเงิน การวิเคราะห์ผลกระทบของข่าวสารต่อทิศทางค่าเงินจะช่วยให้ตัดสินใจเทรดได้แม่นยำมากขึ้น
6. มีการบริหารเงินทุนที่ดี (Money Management)
การบริหารเงินทุนเป็นหัวใจสำคัญของการเทรด Forex อย่างยั่งยืน นักลงทุนควรกำหนดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งไม่เกิน 1-2% ของเงินทุน ใช้การวางแผน Stop Loss และ Take Profit อย่างเหมาะสม และไม่ใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไป การบริหารเงินทุนที่ดีจะช่วยปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนของตลาด
สรุปบทความ
อ่านมาถึงตรงนี้ คงมองเห็นภาพมากขึ้นว่า Forex คืออะไร ต้องบอกว่า การเทรด Forex เป็นโอกาสทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีความพร้อมและเข้าใจพื้นฐานอย่างถ่องแท้ แม้ตลาด Forex จะมีความเสี่ยงสูง แต่หากมีการเตรียมตัวที่ดีและมีวินัยในการเทรด ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้
หากคุณต้องการเริ่มเทรด Forex อย่างมั่นใจ Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com