Price Action คืออะไร มีกี่แบบ คิดจะเทรดต้องรู้จัก!
Price Action คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาด Forex ไม่ว่าจะเป็นนักเทรดที่ถือออเดอร์ระยะยาวหรือระยะสั้นต่างก็ใช้ Price Action ช่วยในการเทรด บทความนี้จะพาไปรู้จักว่า Price Action คืออะไร พร้อมแนะนำ Price Action Pattern 5 รูปแบบยอดนิยมที่นักเทรดเลือกใช้
หัวข้อที่น่าสนใจ
Price Action คืออะไร
Price Action คือการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาผ่านการเคลื่อนไหวของแท่งเทียนบนกราฟ นักเทรดจะสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา ทิศทางแนวโน้ม และจุดกลับตัวที่สำคัญ เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต อธิบายง่าย ๆ คือ วิธีนี้ให้ความสำคัญกับการ “อ่าน” พฤติกรรมของผู้เล่นในตลาดผ่านการเคลื่อนไหวของราคา หรือกราฟเปล่านั่นเอง ไม่พึ่งพาอินดิเคเตอร์หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์อื่น ๆ หรือถ้าจะใช้ ก็จะให้น้ำหนักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
Price Action Pattern คืออะไร
Price Action Pattern คือรูปแบบการเรียงตัวของ Price Action หรือกราฟแท่งเทียนที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนกลายเป็น Pattern การเข้าใจ Pattern เหล่านี้จะช่วยให้เราคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตได้แม่นยำขึ้น
Price Action ดูอย่างไร
Price Action จะปรากฏเป็นแท่งเทียน โดยองค์ประกอบพื้นฐานของแท่งเทียนแต่ละแท่ง ได้แก่
- Open ราคาเปิด
- Close ราคาปิด
- High จุดสูงสุด ที่ราคาเคยไปถึงในวันนั้น
- Low จุดต่ำสุด ที่ราคาเคยไปถึงในวันนั้น
- Body ลำตัวของแท่งเทียน เป็นระยะห่างระหว่าง Open และ Close
- Upper Shadow ไส้เทียนด้านบน (ราคาที่เคยทำ High ไว้)
- Lower Shadow ไส้เทียนด้านล่าง (ราคาที่เคยทำ Low ไว้)
โดยสีของแท่งเทียน Price Action สีเขียว หมายถึง สภาวะตลาดขาขึ้น และสีแดง หมายถึง สภาวะตลาดขาลง
5 รูปแบบ Price Action Pattern ที่เกิดขึ้นบ่อย
ต่อไปจะพาไปดู 5 รูปแบบ Price Action Pattern ที่พบบ่อยจะช่วยให้เราวิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำขึ้น แต่ละรูปแบบมีความหมายแตกต่างกัน ดังนี้
Price Action Pattern รูปแบบ Up Bar
Up Bar หรือ Bullish เป็นแท่งเทียนที่ทำ High และ Low สูงกว่าแท่งก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้ซื้อมีกำลังมากพอที่จะผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสีของแท่งเทียนเป็นได้ทั้งเขียวและแดง แต่ส่วนใหญ่จะมีสีเขียว หรือถ้าเป็นสีแดง ก็ยังหมายถึง ทำ High และ Low สูงกว่าแท่งก่อนหน้า
สรุปเกณฑ์ที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Up Bar
- แท่งเทียนล่าสุดมี High สูงกว่าแท่งก่อนหน้า
- แท่งเทียนล่าสุดมี Low สูงกว่าแท่งก่อนหน้า
- สีของแท่งเทียนมักเป็น สีเขียว (แต่สีแดงก็ได้ หาก High/Low สูงกว่าแท่งก่อนหน้า)
แนวทางการใช้ในการเทรด
การใช้ Up Bar ในการเทรดตามแนวโน้ม : เมื่อพบ Up Bar ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดขึ้นหลังจากการพักตัวในแนวโน้มขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงซื้อยังคงแข็งแกร่งและราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป นักเทรดอาจพิจารณาเข้าซื้อเมื่อเกิด Up Bar และตั้ง Stop Loss ใต้ Low ของแท่งเทียนนั้น หรือใต้ Low ของแท่งก่อนหน้า
Price Action Pattern รูปแบบ Down Bar
Down Bar หรือ Bearish Bar แสดงถึงแนวโน้มขาลง โดยทำ High ต่ำลง และทำ Low ต่ำลงกว่าแท่งก่อนหน้า สะท้อนว่าผู้ขายเริ่มควบคุมทิศทางตลาดได้มากขึ้น และเริ่มมีกำลังมากกว่าผู้ซื้อ โดยสีของแท่งส่วนใหญ่จะมีสีแดง หรือถ้าเป็นสีเขียว ก็ยังหมายถึง ทำ High และ Low ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า
สรุปเกณฑ์ที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Down Bar
- ราคามีแนวโน้มเข้าสู่ขาลงหรือเริ่มมีแรงขายกดดัน
- แท่งเทียนล่าสุดมี High ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า
- แท่งเทียนล่าสุดมี Low ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า
- แท่งเทียนมักเป็น สีแดง (แต่สีเขียวก็ได้ หาก High/Low ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้า)
แนวทางการใช้ในการเทรด
การใช้ Down Bar ในการเทรดตามแนวโน้ม : ในทำนองเดียวกัน เมื่อเกิด Down Bar ต่อเนื่องในแนวโน้มขาลง อาจเป็นสัญญาณว่าแรงขายยังคงมีอยู่และราคามีแนวโน้มที่จะปรับตัวต่ำลง นักเทรดอาจพิจารณาเข้าขายเมื่อเกิด Down Bar และตั้ง Stop Loss เหนือ High ของแท่งเทียนนั้น หรือเหนือ High ของแท่งก่อนหน้า
Price Action Pattern รูปแบบ Inside Bar
Inside Bar หรือ Harami แสดงถึงการชะลอตัวของตลาด ราคายังไม่สามารถเลือกทิศทางไปต่อได้ ผู้ซื้อและผู้ขายกำลังลังเลและรอจังหวะในการเข้าตลาด ซึ่งสังเกตง่าย ๆ แท่งเทียนนั้นจะมีราคา High ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า และมีราคา Low สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า โดยแท่งเทียนที่อยู่ก่อนหน้า Inside Bar มักเรียกกันว่า “Mother bar” นั่นเอง
สรุปเกณฑ์ที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Inside Bar
- ราคามีลักษณะ Sideway หรือกำลังชะลอเพื่อรอเลือกทิศทาง
- High ของแท่งเทียนล่าสุด ต่ำกว่า High ของแท่งก่อนหน้า
- Low ของแท่งเทียนล่าสุด สูงกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า
- ขนาดของแท่งเทียนล่าสุดเล็กกว่าแท่งก่อนหน้าอย่างชัดเจน
แนวทางการใช้ในการเทรด
การใช้ Inside Bar ในการเทรดแบบ Break Out : เมื่อราคาสร้าง Inside Bar หลาย ๆ แท่งติดต่อกัน มักแสดงถึงสภาวะ Sideways หรือการพักตัวของราคาในกรอบแคบ ๆ นักเทรดสามารถรอให้ราคาทะลุกรอบราคานี้เพื่อหาโอกาสในการเข้าออเดอร์
- Breakout ด้านบน หากราคาทะลุ High ของ Mother Bar ขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้น หรือการไปต่อของแนวโน้มเดิม นักเทรดอาจพิจารณาเข้าซื้อ และตั้ง Stop Loss ใต้ Low ของ Inside Bar หรือ Mother Bar
- Breakout ด้านล่าง หากราคาทะลุ Low ของ Mother Bar ลงมา อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มขาลง หรือการไปต่อของแนวโน้มเดิม นักเทรดอาจพิจารณาเข้าขาย และตั้ง Stop Loss เหนือ High ของ Inside Bar หรือ Mother Bar
- ข้อควรระวัง ควรพิจารณา Volume ประกอบการ Breakout หาก Volume เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง Breakout จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ
Price Action Pattern รูปแบบ Outside Bar
Outside Bar เป็นแท่งเทียนที่มีลักษณะใหญ่กว่าแท่งเทียนก่อนหน้า หรือมีราคา High สูงกว่า และราคา Low ต่ำกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า บ่งบอกว่าตลาดได้เลือกทิศทางแล้วและมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อเนื่องในทิศทางนั้น
สรุปเกณฑ์ที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Outside Bar
- High ของแท่งเทียนล่าสุด สูงกว่า High ของแท่งก่อนหน้า
- Low ของแท่งเทียนล่าสุด ต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า
- Outside Bar เป็นแท่งเทียนที่เกิดขึ้นภายหลัง โดยมีทั้งลำตัวและไส้เทียนยาวจนสามารถครอบคลุมแท่งก่อนหน้าได้
- แท่งเทียนที่ถูก Outside Bar ครอบคลุมอาจมีเพียงหนึ่งแท่ง หรือหลายแท่งติดต่อกันก็ได้
แนวทางการใช้ในการเทรด
การใช้ Outside Bar ในการหาจุดกลับตัว : Outside Bar ที่เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนที่เป็นเทรนด์อย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดขึ้นบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ
- Bullish Outside Bar หากเกิด Outside Bar ที่มี High สูงกว่า High ของแท่งก่อนหน้า และ Low ต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า โดยแท่ง Outside Bar เป็นแท่งเขียว อาจบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เข้ามาครอบคลุมแรงขาย และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น นักเทรดอาจพิจารณาเข้าซื้อหลังจากการปิดของแท่ง Bullish Outside Bar และตั้ง Stop Loss ใต้ Low ของแท่งนั้น
- Bearish Outside Bar หากเกิด Outside Bar ที่มี High สูงกว่า High ของแท่งก่อนหน้า และ Low ต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า โดยแท่ง Outside Bar เป็นแท่งแดง อาจบ่งชี้ถึงแรงขายที่เข้ามาครอบคลุมแรงซื้อ และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวต่ำลง นักเทรดอาจพิจารณาเข้าขายหลังจากการปิดของแท่ง Bearish Outside Bar และตั้ง Stop Loss เหนือ High ของแท่งนั้น
Price Action Pattern รูปแบบ Pin Bar
Pin Bar เป็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวด้านใดด้านหนึ่งและมีลำตัวเล็ก สะท้อนถึงการพยายามกดราคาของฝ่ายหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ ถ้าแท่งเทียนมีไส้เทียนยาว ๆ ออกด้านล่าง และราคาปิดอยู่ด้านบน เป็นลักษณะ Bullish Pin Bar แสดงให้เห็นว่า มีแรงขายใส่เข้ามา แต่สุดท้ายเกิดแรงซื้อกลับที่รุนแรงกว่า
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นลักษณะไส้เทียนยาว ๆ ขึ้นด้านบน และแท่งราคาอยู่ด้านล่าง เป็นลักษณะ Bearish Pin Bar แสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อพยายามที่จะดันราคาให้สูงขึ้น เพื่อให้เกิดแรงซื้อ แต่ถูกปฏิเสธ
สรุปเกณฑ์ที่บ่งบอกถึงรูปแบบ Pin Bar
- ไส้เทียนยาวอย่างชัดเจนในด้านใดด้านหนึ่ง
- ลำตัวเทียน (Body) เล็ก
- ถ้าเป็น Bullish Pin Bar
- ไส้ยาวด้านล่าง
- ราคาปิดอยู่ใกล้ High
- มักเกิดบริเวณแนวรับ หรือจุดกลับตัว
- ถ้าเป็น Bearish Pin Bar
- ไส้ยาวด้านบน
- ราคาปิดอยู่ใกล้ Low
- มักเกิดบริเวณแนวต้าน หรือจุดกลับตัว
แนวทางการใช้ในการเทรด
การใช้ Pin Bar ในการหาจุดกลับตัว : Pin Bar ถือเป็นสัญญาณการปฏิเสธราคาที่สำคัญ และมักถูกใช้ในการหาจุดกลับตัวของเทรนด์
- Bullish Pin Bar เมื่อเกิด Bullish Pin Bar (ไส้เทียนยาวด้านล่าง ลำตัวเล็กอยู่ด้านบน) หลังจากการเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาลง หรือบริเวณแนวรับสำคัญ บ่งชี้ว่ามีแรงซื้อเข้ามาปฏิเสธแรงขาย และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น นักเทรดอาจพิจารณาเข้าซื้อหลังจากการปิดของแท่ง Bullish Pin Bar และตั้ง Stop Loss ใต้ Low ของไส้เทียน
- Bearish Pin Bar เมื่อเกิด Bearish Pin Bar (ไส้เทียนยาวด้านบน ลำตัวเล็กอยู่ด้านล่าง) หลังจากการเคลื่อนที่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือบริเวณแนวต้านสำคัญ บ่งชี้ว่ามีแรงขายเข้ามาปฏิเสธแรงซื้อ และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวต่ำลง นักเทรดอาจพิจารณาเข้าขายหลังจากการปิดของแท่ง Bearish Pin Bar และตั้ง Stop Loss เหนือ High ของไส้เทียน
ข้อดี-ข้อเสียของการใช้ Price Action
ข้อดีของการใช้ Price Action
- เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้เพียงกราฟเปล่าในการวิเคราะห์
- เห็นภาพรวมตลาดชัดเจน ไม่มีอินดิเคเตอร์มารบกวนสายตา ซึ่งอาจทำให้อ่านการเคลื่อนไหวของตลาดคลาดเคลื่อนได้
- เห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของผู้เล่นในตลาด
ข้อเสียของการใช้ Price Action
- การอ่านกราฟให้แม่นยำต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องใช้เวลาฝึกฝนนาน
- การวิเคราะห์จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน กราฟเดียวกันอาจตีความต่างกันได้
สรุปบทความ
การเทรดด้วย Price Action เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจตลาดและไม่ต้องการพึ่งพาอินดิเคเตอร์มากมาย แม้จะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะการอ่านกราฟ แต่เมื่อเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพแน่นอน
หากคุณสนใจที่จะพัฒนาทักษะการเทรดด้วย Price Action ให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com