ฟองสบู่แตกคืออะไร ภาวะเศรษฐกิจที่นักลงทุนต้องระวัง
ในโลกการลงทุน มีคำศัพท์หนึ่งที่นักลงทุนทั้งหน้าใหม่และมืออาชีพต่างหวาดกลัว นั่นคือ “ฟองสบู่แตก” ภาวะที่ราคาสินทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินมูลค่าที่แท้จริง แล้วในที่สุดก็ร่วงลงอย่างรุนแรง คล้ายกับฟองสบู่ที่พองตัวแล้วแตกสลาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฟองสบู่แตกสามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง มาทำความเข้าใจกับภาวะนี้ให้ลึกซึ้งว่า ฟองสบู่แตกคืออะไร พร้อมกับวิธีรับมืออย่างชาญฉลาด
หัวข้อที่น่าสนใจ
ฟองสบู่แตกคืออะไร
ฟองสบู่แตก คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์ร่วงลงอย่างรุนแรงหลังจากพุ่งสูงขึ้นเกินมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง โดยมีสาเหตุจากความต้องการที่สูงเกินจริงและการเก็งกำไรเป็นหลัก ซึ่งช่วงฟองสบู่แตก คือช่วงสุดท้ายของวงจรฟองสบู่ เมื่อนักลงทุนเริ่มตระหนักว่าราคาไม่สามารถสูงขึ้นได้อีก นำไปสู่การแห่ขายสินทรัพย์พร้อมกัน ทำให้ราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างภาวะฟองสบู่แตก
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของฟองสบู่แตก คือ วิกฤต Dot-com ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นปี 2000 ยุคที่บริษัทเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู นักลงทุนหลั่งไหลเข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน เพียงแค่มี “.com” ต่อท้ายชื่อบริษัทก็มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นมหาศาล ในที่สุดเมื่อปี 2000 ดัชนี NASDAQ ร่วงลงกว่า 76.81% จากจุดสูงสุด ส่งผลให้บริษัทจำนวนมากล้มละลายและนักลงทุนสูญเสียเงินมหาศาล
ปัจจัยที่ทำให้ฟองสบู่แตก
ฟองสบู่แตก เกิดจากหลายปัจจัย ตั้งแต่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเกินไป ทำให้มีเงินในระบบมากเกินความจำเป็น ความโลภและความกลัวตกขบวนของนักลงทุน (FOMO – Fear of Missing Out) การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่อิงกับพื้นฐานความเป็นจริง และการขาดความรู้ความเข้าใจของผู้ที่เข้ามาลงทุนตามกระแส เมื่อปัจจัยเหล่านี้รวมกัน จุดเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการขายอย่างหนักและนำไปสู่การล่มสลายของราคาสินทรัพย์ได้
5 ขั้นตอนของการเกิดฟองสบู่
การเกิดฟองสบู่และการแตกของฟองสบู่มี 5 ขั้นตอนสำคัญดังนี้
- Displacement การปรากฏขึ้นของสิ่งที่ดึงดูดใจนักลงทุน เช่น เทคโนโลยีล้ำสมัย อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ หรืออุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเปลี่ยนโลก สิ่งเหล่านี้จุดประกายให้นักลงทุนหันมาสนใจ และเกิดการโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดนี้
- Boom เมื่อสิ่งนั้นกลายเป็นที่กล่าวขานในวงกว้าง นักลงทุนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกลัวที่จะพลาดโอกาสในการทำกำไรครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการแข่งขันในการเข้าลงทุน
- Euphoria ราคาสินทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สัมพันธ์กับมูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของสินทรัพย์และพร้อมที่จะเข้าซื้อในทุกราคา
- Profit-taking นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงและทยอยขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไร ทำให้ราคามีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย เป็นสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลง
- Panic เมื่อความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์อย่างรวดเร็ว เพื่อลดความสูญเสีย ทำให้ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
วิธีรับมือฟองสบู่แตก
แม้ฟองสบู่แตกจะสร้างความเสียหายมหาศาล แต่นักลงทุนสามารถเตรียมตัวและรับมือได้ ดังนี้
- ตรวจสอบวัตถุประสงค์การลงทุนอยู่เสมอ หากเหตุผลในการลงทุนเปลี่ยนจากมูลค่าพื้นฐานของสินทรัพย์เป็นเพียง “เพราะราคากำลังขึ้น” นั่นคือสัญญาณอันตราย
- หลีกเลี่ยงการลงทุนตามกระแส ฟองสบู่แตก คือบทเรียนสอนให้รู้ว่าการลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจหรือเพียงเพราะได้ยินมาจากคนอื่นเป็นความเสี่ยงสูง
- ทยอยลงทุน หากต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ควรทยอยลงทุนทีละน้อยเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านเวลา
- กระจายการลงทุน ไม่ควรเทเงินทั้งหมดลงในสินทรัพย์ประเภทเดียว ควรมีการกระจายไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท
- สำรองเงินสดไว้ การมีเงินสดพร้อมใช้จะช่วยให้คุณไม่ต้องขายสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำเกินไปและยังสามารถฉวยโอกาสลงทุนเมื่อราคาลดลง
สรุปบทความ
ฟองสบู่แตก คือปรากฏการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดประวัติศาสตร์ สิ่งที่เหมือนกันคือการลงทุนที่ขับเคลื่อนโดยความโลภมากกว่าเหตุผล แม้เราไม่สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อใดฟองสบู่จะแตก แต่การเข้าใจรูปแบบและสัญญาณเตือนสามารถช่วยให้นักลงทุนป้องกันตัวเองจากความเสียหายได้
หากคุณกำลังมองหาที่สอนเทรด Forex Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com