หุ้นทองตัวไหนดี? รวม 10 หุ้นทองคำน่าสนใจ 2025
ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน หลายคนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อปกป้องเงินลงทุน นอกจากการเทรดทอง Forex โดยตรงแล้ว การลงทุนในหุ้นทองคำยังเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แล้วในปีนี้ หุ้นทองตัวไหนดีที่ควรพิจารณา? บทความนี้ MTA Academy รวบรวม 10 หุ้นทองคำที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มความมั่นคงให้พอร์ตการลงทุน
หัวข้อที่น่าสนใจ
หุ้นทองคำคืออะไร
หุ้นทองคำ คือหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทองคำ ซึ่งมักเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจสำรวจ ขุดเจาะ หรือผลิตทองคำ รวมถึงบริษัทที่ให้เงินทุนสนับสนุนการทำเหมืองทองคำเพื่อแลกกับค่าลิขสิทธิ์หรือส่วนแบ่งจากผลผลิต การลงทุนในหุ้นทองคำช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของราคาทองคำโดยไม่ต้องถือครองทองคำจริง
ลงทุนในหุ้นทองดีอย่างไร
- ได้รับเงินปันผล – หุ้นทองคำหลายตัวจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น สร้างรายได้สม่ำเสมอนอกเหนือจากการเติบโตของมูลค่าหุ้น
- มีศักยภาพในการเติบโตสูง – หุ้นของบริษัทเหมืองทองคำที่มีประสิทธิภาพสามารถเติบโตได้เร็วกว่าราคาทองคำเอง
- ผลตอบแทนที่สูงกว่า – ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น หุ้นทองคำมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในทองคำโดยตรง
- ความหลากหลาย – สามารถกระจายความเสี่ยงโดยเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินงานในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
- สภาพคล่องสูง – หุ้นทองคำมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่ายกว่าทองคำแท่ง
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกหุ้นทองคําตัวไหนดี
- ประสิทธิภาพการผลิต
- ปริมาณสำรองทองคำและอายุของเหมือง
- ที่ตั้งของเหมืองและความเสี่ยงทางการเมือง
- การบริหารจัดการและประวัติการดำเนินงาน
- อัตราการจ่ายเงินปันผลและความสม่ำเสมอ
รวม 10 หุ้นทองคำน่าลงทุน เลือกหุ้นทองคําตัวไหนดี
หากคุณกำลังพิจารณาว่า หุ้นทองคำตัวไหนดีสำหรับการลงทุนในปีนี้ นี่คือ 10 บริษัทชั้นนำที่มีศักยภาพโดดเด่นและน่าจับตามอง เนื่องจากแต่ละบริษัทมีจุดแข็งและกลยุทธ์การเติบโตที่แตกต่างกัน การเลือกลงทุนควรพิจารณาให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณเอง
1. Newmont Corporation (NEM)
Newmont Corporation ถือเป็นหนึ่งในบริษัทขุดทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีฐานการดำเนินงานที่มั่นคงในหลายประเทศทั่วโลก และมีปริมาณสำรองทองคำจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านการเงิน Newmont มีจุดเปลี่ยนกระแสเงินสดเป็นบวกเมื่อราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และจะสร้างกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นอีก 400 ล้านดอลลาร์ สำหรับราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 100 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายปรับเงินปันผลตามราคาทองคำ โดยราคาทองที่ขยับขึ้นทุกๆ 100 ดอลลาร์ จะเพิ่มเงินปันผลอีกประมาณ 0.5-0.6 ดอลลาร์ต่อหุ้น Newmont จึงเป็นหุ้นทองคำที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
2. Barrick Gold Corporation (GOLD)
Barrick Gold เป็นอีกหนึ่งผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำ มีแหล่งสำรองทองคำขนาดใหญ่ และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการดำเนินงานส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือและแอฟริกา
บริษัทมีทองคำสำรองถึง 76 ล้านออนซ์ ซึ่งรองรับการผลิตได้กว่า 18 ปี ด้วยต้นทุนการผลิต (AISC) ประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Barrick ยังมีแผนเพิ่มการผลิตอีกประมาณ 25% ภายในปี 2029
แม้จะมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานในแอฟริกา แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่และการกระจายเหมืองในหลายประเทศ ทำให้ Barrick เป็นหุ้นทองคำที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการเติบโตระยะยาวที่มั่นคง
3. Franco-Nevada Corporation (FNV)
Franco-Nevada ไม่ใช่บริษัทเหมืองทองคำโดยตรง แต่เป็นบริษัทด้านการเงินที่ลงทุนในโครงการเหมืองทองคำผ่านการให้เงินกู้และค่าลิขสิทธิ์ โมเดลธุรกิจนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง
Franco-Nevada มีประวัติการเติบโตที่โดดเด่น โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 17% นับตั้งแต่ก่อตั้ง และมุ่งเน้นการลงทุนในเขตที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทองคำ
4. Kinross Gold Corporation (KGC)
Kinross Gold เป็นบริษัทเหมืองทองคำที่มีการดำเนินงานในหลายประเทศและมีแหล่งสำรองทองคำที่สำคัญ บริษัทได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมักจะมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่สูงและภาระหนี้สินของบริษัทอาจส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร แต่ด้วยประสบการณ์และการมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุน Kinross ยังคงเป็นหุ้นทองคำที่น่าพิจารณาสำหรับนักลงทุนที่เชื่อในการฟื้นตัวของราคาทองคำ
5. Agnico Eagle Mines Limited (AEM)
Agnico Eagle เป็นบริษัทเหมืองทองคำที่มีการดำเนินงานหลักในอเมริกาเหนือและฟินแลนด์ โดยผลิตทองคำได้ 3.1 ล้านออนซ์และเงิน 2.3 ล้านออนซ์ในปี 2022 บริษัทมีทองคำสำรอง 49 ล้านออนซ์ซึ่งรองรับการผลิตได้ประมาณ 16 ปี
จุดเด่นของ Agnico คือต้นทุนการผลิต (AISC) ที่ต่ำมากเพียง 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และการดำเนินงานเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ บริษัทยังมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2010 ได้จ่ายเงินปันผลรวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์
Agnico Eagle จึงเป็นหุ้นทองคำที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความปลอดภัยสูงพร้อมกับการเติบโตที่มั่นคงและเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
6. Gold Fields Limited (GFI)
Gold Fields เป็นบริษัทเหมืองทองคำจากแอฟริกาใต้ที่มีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีแหล่งสำรองทองคำขนาดใหญ่ บริษัทมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและการเพิ่มผลผลิต แม้จะมีความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจในบางภูมิภาคที่ดำเนินงาน แต่ Gold Fields ยังคงเป็นหุ้นทองคำที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการกระจายการลงทุนในระดับโลกและมีความเข้าใจในตลาดแอฟริกาใต้
7. Royal Gold Inc. (RGLD)
Royal Gold เป็นบริษัทที่ลงทุนในสิทธิ์การผลิตทองคำจากเหมืองต่าง ๆ ทั่วโลก มีความเสี่ยงต่ำเพราะไม่ได้เป็นผู้ผลิตทองคำโดยตรง แต่ได้รับรายได้จากการลงทุนในโครงการเหมืองทองคำ
เนื่องจากไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการดำเนินงานเหมือง Royal Gold จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงแต่ยังคงได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมทองคำ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ค่อนข้างสูงอาจจำกัดศักยภาพในการเติบโตในระยะสั้น
8. Regis Resources Limited (RGRNF)
Regis Resources เป็นบริษัทเหมืองทองคำของออสเตรเลียที่มีเหมืองที่ดำเนินการอยู่ 2 แห่งในออสเตรเลียตะวันตก และอีกหนึ่งแห่งอยู่ระหว่างการพัฒนาในออสเตรเลียตะวันออก
บริษัทผลิตทองคำได้ 437,000 ออนซ์ในปี 2022 และมีทองคำสำรอง 14 ล้านออนซ์ซึ่งรองรับการผลิตได้ถึง 32 ปี ต้นทุนการผลิต (AISC) อยู่ที่ 1,556 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Regis มีแผนเพิ่มการผลิตเป็น 500,000 ออนซ์ต่อปีภายในปี 2025
จุดเด่นของ Regis คือการเป็นเจ้าของ 90% ของแถบหินกรีนสโตนที่อุดมไปด้วยทองคำ ซึ่งมีศักยภาพในการค้นพบแหล่งทองคำใหม่ ประกอบกับการดำเนินงานในออสเตรเลียซึ่งเป็นเขตที่เป็นมิตรกับการทำเหมืองแร่ ทำให้ Regis เป็นหุ้นทองคำที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาว
9. Equinox Gold Corp. (EQX)
Equinox Gold เป็นบริษัทเหมืองทองคำที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในอเมริกา (แคนาดา สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และบราซิล) บริษัทเติบโตจากการผลิตเพียง 25,601 ออนซ์ในปี 2018 เป็น 0.6 ล้านออนซ์ในปี 2022
Equinox มีทองคำสำรอง 17 ล้านออนซ์ซึ่งรองรับการผลิตได้ 28 ปี แต่มีต้นทุนการผลิต (AISC) ที่ค่อนข้างสูงระหว่าง 1,500-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างสูงและการลงทุนจำนวนมากในการขยายตัว Equinox จำเป็นต้องให้ราคาทองคำอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อสร้างกำไร จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเดิมพันเชิงรุกกับแนวโน้มราคาทองคำ
10. Sandstorm Gold Ltd. (SAND)
Sandstorm Gold เป็นบริษัทค่าลิขสิทธิ์ทองคำที่เน้นลงทุนในเหมืองที่มีต้นทุนต่ำทั่วโลก บริษัทได้เพิ่มพอร์ตสินทรัพย์จาก 3 รายการในปี 2009 เป็น 250 รายการในปี 2022
ปัจจุบันสินทรัพย์ของ Sandstorm ผลิตทองคำได้ 93,000 ออนซ์ต่อปี โดยมีเป้าหมายที่ 125,000-160,000 ออนซ์ในปี 2024-2028 รายได้ส่วนใหญ่มาจากทองคำและเงิน โดยคาดว่าทองคำจะคิดเป็น 3/4 ของค่าลิขสิทธิ์ระยะยาว ถือว่า Sandstorm เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเหมืองทองคำต้นทุนต่ำที่หลากหลาย
สรุปบทความ
การเลือกว่า หุ้นทองคำตัวไหนดีสำหรับการลงทุนขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุนแต่ละราย หากต้องการความปลอดภัยและเงินปันผลสม่ำเสมอ Newmont, Agnico Eagle หรือ Franco-Nevada อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม หากมองหาการเติบโตสูง Equinox หรือ Regis Resources อาจน่าสนใจกว่า ส่วนนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำแต่ยังได้ประโยชน์จากราคาทองคำ บริษัทค่าลิขสิทธิ์อย่าง Royal Gold หรือ Sandstorm Gold เป็นทางเลือกที่ดี
อยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำและวิธีเทรด Forex อย่างมืออาชีพ Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com