Slippage คืออะไร เลี่ยงได้ไหม รับมืออย่างไรในตลาด Forex
ปัญหาที่นักเทรดหลายคนต้องเผชิญในตลาด Forex คือการที่ราคาเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะเมื่อส่งคำสั่งซื้อขายในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Slippage หรือสลิปเพจ ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือ บทความนี้ MTA Academy จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมว่า Slippage คืออะไร และมีวิธีจัดการอย่างไรเมื่อต้องเทรดในตลาด Forex
หัวข้อที่น่าสนใจ
Slippage คืออะไร
Slippage คือความแตกต่างระหว่างราคาที่นักลงทุนตั้งคำสั่งซื้อขายกับราคาที่ได้รับจริงเมื่อคำสั่งถูกดำเนินการ ซึ่งสลิปเพจ คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยในตลาด Forex โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรือสภาพคล่องต่ำ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนอาจได้ราคาที่ดีกว่าหรือแย่กว่าที่ตั้งใจไว้ การเข้าใจ Slippage จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบริหารความเสี่ยงในการเทรด
ตัวอย่าง Slippage Forex
นักเทรดต้องการซื้อคู่เงิน EUR/USD ที่ราคา 1.22500 แต่ในขณะที่คำสั่งกำลังประมวลผล ตลาดมีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ทำให้ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคำสั่งถูกดำเนินการที่ราคา 1.22550 ทำให้นักลงทุนต้องจ่ายเงินมากกว่าที่วางแผนไว้ถึง 5 pips นี่คือตัวอย่างของ Slippage Forex ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อผลกำไรขาดทุนของนักลงทุนได้
Slippage เกิดได้อย่างไร
สาเหตุหลักของการเกิด Slippage Forex คือ
ความผันผวนของตลาดสูง
ในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย GDP หรือตัวเลขการจ้างงาน ตลาดมักจะเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง ราคาอาจเคลื่อนไหวหลายร้อยจุดภายในไม่กี่วินาที ทำให้คำสั่งซื้อขายไม่สามารถดำเนินการได้ตามราคาที่ตั้งไว้ ยิ่งตลาดเคลื่อนไหวเร็วเท่าไร โอกาสที่จะเกิด Slippage ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
สภาพคล่องต่ำ
ในช่วงเวลาที่ตลาดมีผู้ซื้อขายน้อย เช่น ช่วงกลางคืนหรือวันหยุดสำคัญ จะทำให้เกิดสภาพคล่องต่ำ ซึ่งหมายถึงมีการจับคู่คำสั่งซื้อขายได้น้อยลง ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างราคา (Spread) กว้างขึ้น และทำให้เกิดช่องว่างของราคา (Gap) ได้ง่าย เมื่อเทรดเดอร์ส่งคำสั่งในช่วงเวลาเหล่านี้ โอกาสที่จะเกิด Slippage จึงสูงกว่าปกติมาก
ปริมาณการเปิดออเดอร์สูง
เมื่อเทรดเดอร์เปิด Lot ขนาดใหญ่หรือส่งคำสั่งซื้อขายปริมาณมาก ระบบอาจไม่สามารถจับคู่คำสั่งทั้งหมดได้ในราคาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีสภาพคล่องไม่สูงมาก ปริมาณการซื้อขายที่สูงเกินไปอาจทำให้ราคา “เลื่อน” ไปจากที่ต้องการ เนื่องจากต้องหาคู่ซื้อขายหลายราย ทำให้เกิด Slippage โดยเฉพาะเมื่อเทรดคู่เงินรองหรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ
ปัญหาการเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้าหรือไม่เสถียรเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด Slippage เนื่องจากความล่าช้าในการส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ แม้ว่าคุณจะเห็นราคาที่ต้องการบนหน้าจอ แต่เมื่อคำสั่งถูกส่งไปถึงเซิร์ฟเวอร์ ราคาอาจเปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งมีความล่าช้าในการเชื่อมต่อมากเท่าไร โอกาสที่จะเกิด Slippage ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
คุณภาพของการประมวลผลคำสั่ง
คุณภาพของการประมวลผลคำสั่งจากโบรกเกอร์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด Slippage โบรกเกอร์แต่ละแห่งมีระบบและกลไกการประมวลผลคำสั่งที่แตกต่างกัน บางแห่งอาจมีการเชื่อมต่อกับผู้ให้สภาพคล่อง (Liquidity Provider) ที่มีคุณภาพต่ำกว่า หรือมีกระบวนการจับคู่คำสั่งที่ช้า ซึ่งส่งผลให้เกิด Slippage ได้มากกว่าโบรกเกอร์ที่มีระบบคุณภาพสูง
ประเภทของ Slippage Forex คือ
Slippage ในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามลักษณะของผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อนักลงทุน ดังนี้
Slippage บวก (Positive Slippage)
Positive Slippage เกิดขึ้นเมื่อนักเทรดได้ราคาที่ดีกว่าราคาที่ตั้งคำสั่งไว้ เช่น ตั้งคำสั่งซื้อที่ราคา 1.3000 แต่ได้ราคาจริงที่ 1.2995 ทำให้ต้นทุนในการซื้อต่ำกว่าที่วางแผนไว้ ถือเป็นสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเทรด แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในตลาดที่มีความผันผวนสูง
Slippage ลบ (Negative Slippage)
Negative Slippage คือสถานการณ์ที่นักลงทุนได้ราคาแย่กว่าที่ตั้งคำสั่งไว้ เป็นประเภทของ Slippage ที่พบบ่อยที่สุดและส่งผลกระทบเชิงลบต่อพอร์ตการลงทุน เช่น ตั้งคำสั่งซื้อที่ราคา 1.3000 แต่ได้ราคาจริงที่ 1.3005 ทำให้ต้องจ่ายเงินมากกว่าที่วางแผนไว้
Slippage ศูนย์ (No Slippage)
No Slippage คือสถานการณ์ที่นักลงทุนได้ราคาตรงตามที่ตั้งคำสั่งไว้พอดี ถือเป็นสถานการณ์ในอุดมคติที่นักลงทุนทุกคนต้องการ แต่มักพบในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนต่ำ หรือเมื่อใช้คำสั่งประเภท Limit Order ที่กำหนดราคาซื้อขายที่แน่นอน
ประเภทหน่วยวัดของ Slippage คือ
ในการเทรด Forex นักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการวัด Slippage ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ดังนี้
Slippage ในหน่วยเปอร์เซ็นต์ (Percentage Slippage)
Slippage ในรูปแบบเปอร์เซ็นต์วัดความแตกต่างระหว่างราคาที่ตั้งคำสั่งกับราคาที่ได้รับจริงในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์
ตัวอย่าง หากคุณส่งคำสั่งซื้อคู่เงิน EUR/USD ที่ราคา 1.2000 แต่ได้รับการยืนยันที่ราคา 1.2024 คิดเป็น Slippage 0.2% ในทำนองเดียวกัน หากคุณตั้งคำสั่งขายที่ 1.2100 แต่ขายได้จริงที่ 1.2079 จะเป็น Slippage ลบ 0.17% การคำนวณแบบเปอร์เซ็นต์นี้ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นผลกระทบต่อกำไรขาดทุนได้ชัดเจน
Slippage ในหน่วย Pips หรือ Points
Slippage ในหน่วย Pips เป็นวิธีการวัดที่นิยมใช้มากที่สุดในตลาด Forex เนื่องจากสามารถเปรียบเทียบได้โดยตรงกับการเคลื่อนไหวของราคาและค่า Spread
ตัวอย่าง หากตั้งคำสั่งซื้อ USD/JPY ที่ราคา 110.50 แต่ได้ราคาจริงที่ 110.53 ถือว่าเกิด Slippage 3 pips แม้ว่าค่า pips อาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อคูณกับขนาดการเทรด (Lot Size) แล้ว อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเทรดด้วย Lot ขนาดใหญ่
Slippage ในหน่วยความผันผวน (Volatility-Based Slippage)
ในการเทรด Forex ค่า Slippage ในเชิงความผันผวน (Volatility) หมายถึง การที่ราคาจริงที่ได้ทำการซื้อหรือขาย มีความเบี่ยงเบนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงราคาที่เกิดขึ้นในวันที่มีสัญญาณการเข้าเทรด โดยการคำนวณจะอ้างอิงจากราคาเปิดของวันเป็นหลัก สำหรับสัญญาณ Buy จะวัดจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิด (Open) กับราคาสูงสุด (High) และสำหรับสัญญาณ Sell จะวัดจากส่วนต่างระหว่างราคาเปิด (Open) กับราคาต่ำสุด (Low)
ตัวอย่าง หากเทรดคู่เงิน EUR/USD ราคาเปิดอยู่ที่ 1.1000 และราคาสูงสุดของวันคือ 1.1100 หากเทรดเดอร์ส่งคำสั่งซื้อ และราคาที่ได้รับจริงคือ 1.1030 นั่นหมายถึง Slippage คิดเป็น 30% ของช่วงความผันผวนในวันนั้น
ข้อดีข้อเสียของ สลิปเพจ คือ
Slippage ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป และในบางสถานการณ์ก็มีข้อดีด้วย มาดูข้อดีและข้อเสียของ Slippage กัน
ข้อดีของ สลิปเพจ คือ
- โอกาสได้ราคาที่ดีกว่า ในบางครั้ง Positive Slippage อาจเกิดขึ้น ทำให้คุณได้ราคาที่ดีกว่าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในตลาดที่กำลังเคลื่อนไหวเร็วและเป็นประโยชน์ต่อทิศทางการเทรดของคุณ
- เครื่องวัดสภาพคล่อง Slippage สามารถใช้เป็นเครื่องมือวัดสภาพคล่องของตลาดได้ หากพบ Slippage น้อย แสดงว่า ตลาดมีสภาพคล่องดี เหมาะแก่การเข้าเทรดขนาดใหญ่
- การได้เข้าในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว แม้จะเกิด Slippage แต่อย่างน้อยคำสั่งของคุณก็ได้รับการดำเนินการ ซึ่งดีกว่าการไม่ได้เข้าเลยในตลาดที่กำลังวิ่งเร็ว โดยเฉพาะหากคุณใช้คำสั่ง Limit Order ที่อาจไม่ได้รับการจับคู่เลย
ข้อเสียของ สลิปเพจ คือ
- ต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้น Negative Slippage ทำให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระทบโดยตรงต่อผลกำไรขาดทุน โดยเฉพาะเมื่อเทรดด้วย Lot ขนาดใหญ่หรือเทรดบ่อยครั้ง
- ทำลายแผนการเทรด Slippage อาจทำให้จุด Stop Loss หรือ Take Profit ที่วางแผนไว้คลาดเคลื่อน ส่งผลให้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) เปลี่ยนไป
- ส่งผลต่อจิตวิทยาการเทรด การเจอ Slippage บ่อยครั้งอาจทำให้เทรดเดอร์รู้สึกหงุดหงิด สูญเสียความมั่นใจ หรือตัดสินใจผิดพลาดในการเทรดครั้งต่อไป
ผลกระทบของ Slippage ต่อการเทรด Forex
Slippage สามารถส่งผลกระทบหลายด้านต่อการเทรด Forex ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
ผลกระทบต่อผลกำไรขาดทุน
Slippage ส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรขาดทุนของนักเทรด โดยเฉพาะเมื่อเทรดด้วย Lot ขนาดใหญ่หรือเทรดบ่อยครั้ง แม้ Slippage เพียง 1-2 pips อาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อสะสมต่อเนื่อง จะกระทบต่อประสิทธิภาพโดยรวมของพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่าง หากเทรดเดอร์เทรด 100 Standard Lot ของ EUR/USD และเกิด Slippage 2 pips จะหมายถึงค่าเสียโอกาสถึง 2,000 USD ทันที และหากเทรดเดอร์ทำการเทรด 20 ครั้งต่อเดือน โดยมี Slippage เฉลี่ย 2 pips ทุกครั้ง จะส่งผลให้สูญเสียผลตอบแทนไปกว่า 40,000 USD ต่อเดือน
ผลกระทบต่อกลยุทธ์การเทรด
Slippage สามารถบิดเบือนประสิทธิภาพของกลยุทธ์การเทรด โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่พึ่งพาการเข้า-ออกที่แม่นยำ เช่น Scalping กลยุทธ์นี้พึ่งพาการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ pips Slippage แม้เพียง 1-2 pips ก็อาจทำให้การเทรดขาดทุนแทนที่จะกำไร หรือ Breakout Trading การเทรดจังหวะที่ราคาทะลุแนวรับแนวต้าน อาจถูกกระทบจาก Slippage ทำให้เข้าเทรดช้าเกินไปและพลาดโอกาสทำกำไร
ผลกระทบต่อจิตวิทยาการเทรด
Slippage ไม่เพียงส่งผลกระทบทางการเงิน แต่ยังส่งผลต่อจิตใจของเทรดเดอร์:
- ความผิดหวังและความหงุดหงิด การเจอ Slippage บ่อยครั้งอาจทำให้เทรดเดอร์รู้สึกผิดหวังและหงุดหงิด
- การตัดสินใจเชิงอารมณ์ ความหงุดหงิดจาก Slippage อาจนำไปสู่การตัดสินใจเชิงอารมณ์ เช่น การเพิ่มขนาดการเทรดเพื่อชดเชยการขาดทุน หรือการเลิกใช้ Stop Loss
- การสูญเสียความมั่นใจ การเจอ Slippage ต่อเนื่องอาจทำให้เทรดเดอร์สูญเสียความมั่นใจในกลยุทธ์และความสามารถของตนเอง
- ความกลัวการเข้าเทรด เทรดเดอร์อาจเกิดความลังเลในการเข้าเทรด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เนื่องจากกลัว Slippage
วิธีการจัดการ Slippage ในการเทรด Forex
การจัดการ Slippage เป็นทักษะสำคัญที่นักเทรด Forex ต้องเรียนรู้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในวิธีเทรด Forex
1. เลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูง
การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงช่วยให้คำสั่งซื้อขายสามารถจับคู่ได้เร็วขึ้น ลดโอกาสในการเจอ Slippage นอกจากนี้ควรเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ โดยได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานอย่าง ASIC, FCA, CIMA และ FSC
2. เช็กการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
การใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีเสถียรภาพจะช่วยลดความเสี่ยงจาก Slippage ที่เกิดจากความล่าช้าในการส่งคำสั่งซื้อขาย ดังนั้น ควรตรวจสอบความเร็วและความเสถียรของอินเทอร์เน็ตอย่างสม่ำเสมอ และมีแผนสำรองในกรณีที่การเชื่อมต่อมีปัญหา เช่น การใช้เครือข่าย 4G หรือ 5G เป็นระบบสำรอง
3. ใช้คำสั่งประเภท Limit Order
อีกหนึ่งวิธีจัดการสลิปเพจ คือการใช้คำสั่ง Limit Order เนื่องจากคำสั่งประเภทนี้จะระบุราคาที่ต้องการซื้อขายอย่างชัดเจน และจะดำเนินการเฉพาะเมื่อได้ราคาตามที่กำหนดหรือดีกว่าเท่านั้น แม้ว่า Limit Order อาจจะไม่ได้ถูกประมวลผลทันที แต่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ได้ราคาที่แย่กว่าที่ตั้งใจไว้
4. เลือก Time Frame ที่สูงขึ้น
การเทรดในกรอบเวลาที่สูงขึ้น แทนการเทรดในกรอบเวลาสั้น ๆ จะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของแนวโน้มตลาดได้อย่างชัดเจน ทำให้โอกาสเผชิญกับ Slippage น้อยลง ทั้งนี้ ถ้าชื่นชอบการเทรดระยะสั้นก็เลือก Time Frame ที่เหมาะสม อย่าง Time Frame 1 นาที หรือ 5 นาที ได้
5. ตั้งค่า Trailing Stop
การใช้ Trailing Stop ลดโอกาสในการเจอ Slippage โดยจุด Trailing Stop จะเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ หากราคายังอยู่ในทิศทางการเทรดของคุณ และจะอยู่ที่ระดับเดิม หากราคาเคลื่อนที่สวนทางกับการเทรด ช่วยป้องกันความเสียหายเมื่อราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม
6. ใช้คู่เทรดที่มีสภาพคล่องสูง
การเลือกเทรดคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง เช่น EUR/USD, GBP/USD หรือ USD/JPY จะช่วยลดโอกาสการเกิด Slippage เนื่องจากคู่เงินเหล่านี้มีผู้ซื้อขายจำนวนมากและมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ราบรื่นกว่า ในทางกลับกัน การเทรดคู่เงินรองหรือคู่เงินแปลก ๆ ที่มีสภาพคล่องต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด Slippage โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
7. หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีข่าวใหญ่
การเทรดในช่วงที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดมักเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด Slippage เนื่องจากราคามักเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นักเทรดควรติดตามปฏิทินเศรษฐกิจและหลีกเลี่ยงการเปิดหรือปิดคำสั่งในช่วงเวลาดังกล่าว
สรุปบทความ
Slippage คือความท้าทายที่นักเทรด Forex ต้องเผชิญ แม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด แต่สามารถบริหารจัดการและลดผลกระทบได้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม การรู้จักประเภทและสาเหตุของ Slippage ช่วยให้นักเทรดสามารถเตรียมพร้อมและวางแผนรับมือได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการ Slippage และเทคนิคการเทรด Forex ขั้นสูง Master Trader Academy พร้อมดูแล! ด้วยคอร์สเรียนเทรดที่ครอบคลุม พร้อมเทคนิคการเทรดดี ๆ และทีมผู้สอนที่มีประสบการณ์ตรง เราพร้อมช่วยให้คุณก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สเรียนได้ที่
- Line : @mtaacademy
- Facebook : Master Trader Academy TH
- Email : mtamasteracademy@gmail.com